ประโยชน์ของ แคนตาลูป เมล่อน
ประโยชน์ของแคนตาลูป
ขอบคุณ Link: http://www.lovefitt.com
ประโยชน์ของเมล่อน
ขอบคุณ Link : https://www.rukkla.com
สรรพคุณของแคนตาลูป
- มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ
- มีส่วนช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
- ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยในการลดไข้ เพราะน้ำแคนตาลูปเป็นผลไม้เย็น
- ช่วยดับร้อน แก้กระหาย
- ช่วยเป็นยาขับปัสสาวะ
- ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ
- ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการอักเสบของลำไส้
- ช่วยบรรเทาอาการท้องปั่นป่วนจากการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
- ช่วยในการขับน้ำนม
- ช่วยในการขับเหงื่อ
- ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ประโยชน์ของแคนตาลูป
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
- ช่วยในการชะลอวัยและลดการเกิดริ้วรอย
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยเสริมสร้างภูมิร่างกายให้แก่ร่างกาย
- ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
- มีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
- มีส่วนช่วยในเรื่องของการเกิดสมาธิ
- น้ำแคนตาลูปปั่น หวานสดชื่น ดับร้อน แก้กระหายได้เป็นอย่างดี วิธีการทำง่าย ๆ คือ ปอกเปลือกแคนตาลูปแล้วนำเมล็ดออก > นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กประมาณ 1 ถ้วย > แตงโมเอาเม็ดออกครึ่งถ้วย > น้ำส้มคั้นครึ่งถ้วย > มะนาว 1 ช้อนชา > ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น > ปั่นจนได้ที่ เสร็จแล้วน้ำแคนตาลูปฝีมือของเรา
คุณค่าทางโภชนาการของแคนตาลูปต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 34 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 8.16 กรัม
- น้ำตาล 7.86 กรัม
- เส้นใย 0.9 กรัม
- ไขมัน 0.19 กรัม
- โปรตีน 0.84 กรัม
- วิตามินเอ 169 ไมโครกรัม 21%
- เบตาแคโรทีน 2,020 ไมโครกรัม 19%
- ลูทีนและซีแซนทีน 26 ไมโครกรัม
- วิตามินบี 1 0.041 มิลลิกรัม 4%
- วิตามินบี 2 0.019 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 3 0.734 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินบี 5 0.105 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 6 0.072 มิลลิกรัม 6%
- วิตามินบี 9 21 ไมโครกรัม 5%
- โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินซี 36.7 มิลลิกรัม 44%
- วิตามินเค 2.5 ไมโครกรัม 2%
- ธาตุแคลเซียม 9 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุเหล็ก 0.21 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุแมงกานีส 0.41 มิลลิกรัม 20%
- ธาตุฟอสฟอรัส 15 มิลลิกรัม 2%
- โพแทสเซียม 267 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุโซเดียม 16 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุสังกะสี 0.18 มิลลิกรัม 2%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
"ไม่ควรรับประทานแคนตาลูปติดต่อกันนานจนเกินไป เนื่องจากแคนตาลูปเป็นผลไม้ที่ดูแลยาก มีปัญหาเรื่องโรคต่าง ๆ และแมลงต่าง ๆ มากมาย โดยการปลูกแคนตาลูปนั้นต้องใช้ยาที่แรงและฉีดบ่อยมาก บางคนฉีดยาไม่เว้นแต่ละวัน แม้กระทั่งวันเก็บผลผลิตขายก็ยังฉีด ยามันจึงสะสมไว้ในลูกแคนตาลูป การรับประทานเข้าไปก็อาจจะสะสมไว้ในร่างกายเรื่อย ๆ ซึ่งอันตรายมาก" คำสัมภาษณ์จากลุงลอง นายลิขิต เคลื่อนดอน ผู้ปลูกแคนตาลูปในจังหวัดสระแก้ว